ใน TTM เรามีศูนย์การวัด CMM ของเราเอง เรามี CMM 7 ชุด 2 กะ/วัน (12 ชั่วโมงต่อกะ จันทร์-เสาร์)
วิธีการวัดของ CMM ใช้การวัดทางกลหรือทางแสงวิธีการวัดที่ใช้กันทั่วไป ได้แก่ การวัดจุด การวัดเส้น การวัดวงกลม การวัดพื้นผิว และการวัดปริมาตรในการผลิตรถยนต์ CMM ส่วนใหญ่จะใช้ในการวัดขนาดและรูปร่างของชิ้นส่วนเพื่อให้แน่ใจว่าความแม่นยำและคุณภาพของชิ้นส่วนตรงตามข้อกำหนดการออกแบบตัวอย่างเช่น ในการผลิตเครื่องยนต์ CMM สามารถวัดขนาดและรูปร่างของเสื้อสูบ เพลาข้อเหวี่ยง ก้านสูบ และส่วนประกอบอื่นๆ เพื่อให้มั่นใจถึงประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือของเครื่องยนต์ในการผลิตตัวถัง CMM สามารถวัดลักษณะและขนาดของชิ้นส่วนของร่างกายเพื่อให้แน่ใจว่ารูปลักษณ์และคุณภาพของตัวถังตรงตามข้อกำหนดการออกแบบ
การใช้งาน CMM ไม่ได้จำกัดเพียงการวัดชิ้นส่วน แต่ยังสามารถใช้เพื่อตรวจจับโครงสร้างและรูปลักษณ์ของยานพาหนะทั้งหมดได้อีกด้วยตัวอย่างเช่น ในการผลิตรถยนต์ CMM สามารถตรวจจับพารามิเตอร์ต่างๆ เช่น ความเรียบ ความตรง และความโค้งของตัวถัง เพื่อให้มั่นใจว่าคุณภาพของตัวถังตรงตามข้อกำหนดการออกแบบในเวลาเดียวกัน CMM ยังสามารถตรวจจับความหนาและความเรียบของผิวเคลือบเพื่อให้แน่ใจว่ารูปลักษณ์และคุณภาพของตัวเครื่องตรงตามข้อกำหนดการออกแบบ
การสนับสนุนข้อมูล CMM ก็เป็นส่วนสำคัญของการผลิตรถยนต์เช่นกันข้อมูลขนาดและรูปร่างของชิ้นส่วนที่วัดโดย CMM สามารถใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตและปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตได้ตัวอย่างเช่น ในการผลิตชิ้นส่วน CMM สามารถช่วยให้ผู้ผลิตตรวจจับความแม่นยำในการประมวลผลและคุณภาพของชิ้นส่วน ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และลดต้นทุนในเวลาเดียวกัน CMM ยังสามารถให้การสนับสนุนข้อมูลเพื่อช่วยให้ผู้ผลิตรถยนต์เพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตและปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต
กล่าวโดยสรุป CMM ถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในการผลิตรถยนต์ไม่เพียงแต่ใช้ในการวัดขนาดและรูปร่างของชิ้นส่วนเท่านั้น แต่ยังใช้ในการตรวจจับโครงสร้างและรูปลักษณ์ของยานพาหนะทั้งหมดอีกด้วยด้วยการสนับสนุนข้อมูลที่มาจาก CMM ผู้ผลิตรถยนต์สามารถเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตและปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์ และลดต้นทุน
เวลาโพสต์: May-10-2023